นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ร่วมกล่าวอภิปรายข้อสังเกตการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ว่ามีปัญหา
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เมื่อคราวเป็นรัฐมนตรีร่วม ครม. กับพรรคเพื่อไทย ไม่เห็นว่าอะไร แต่ตอนนี้ทำไมพอคุณอนุทินจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ถึงบอกว่า คุณอนุทิน ชาญวีรกุล คุณสมบัติไม่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี นั่นก็เป็นเพราะว่าเหตุการณ์ในช่วงหลังที่สำคัญและประชาชนสนใจเกี่ยวข้องกับอนุทิน จึงอาจร้อยเรียงประเด็นที่สำคัญได้ดังนี้
.
ประการแรก คือเรื่องข้อตกลง 5 ข้อที่พรรคภูมิใจไทยทำกับพรรคประชาชน ที่ทำให้ท่านไม่เหมาะสมกับการเป็นนายกรัฐมนตรี
.
พรรคประชาชน เมื่อไม่มีคนอยู่ใน ครม. แต่จะยกมือให้สนับสนุนอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี และยังห้ามพรรคภูมิใจไทยรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร หมายความว่าต้องการให้พรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลแบบลูกไก่ในกำมือของพรรคประชาชน แต่ลืมไปว่านานๆ ไปอาจจะมีเหตุการณ์เหมือนเพลงลูกทุ่ง “หนูเปล่านะ เขามาเอง” ก็อาจจะมี ส.ส. สนับสนุนเป็นเสียงข้างมากไปก็ได้ แม้ว่าอันนั้นจะเป็นเหตุการณ์ข้างหน้า แต่ความตั้งใจของพรรคประชาชนก็คือว่าให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่พรรคประชาชนจะไม่เข้าไปเป็น ครม. เลย
.
“ปัญหาก็คือว่าผมมีความเห็นว่าการตกลงอย่างนี้ การตกลงเป็นรัฐบาลด้วยเงื่อนไขอย่างนี้ เป็นการขัดต่อหลักการของระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตย และจะทำให้เกิดผลเสียตามมาต่อประเทศนี้อย่างร้ายแรง”
.
โดยหลักการของระบบรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญดูง่ายๆ จากการที่เราจะเลือกบุคคลไปเป็นนายกรัฐมนตรีกันในวันนี้ ทำไมเขาถึงต้องเอาจากแคนดิเดตนายกฯ ที่มาจากพรรคการเมือง เพราะเขาต้องการให้พรรคการเมืองรับผิดชอบ เอาคนที่เคยไปบอกกับประชาชนไว้มาเสนอ พรรคการเมืองต้องรับผิดชอบ
.
ทำไมเวลาลงคะแนนต้องลงคะแนนแล้วให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง ก็เพราะว่าเขาต้องการให้ได้เสียงข้างมากจริงๆ ในสภาผู้แทนราษฎร และจะได้เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพในการบริหารและในการออกกฎหมาย นี่คือเจตนารมณ์ของระบบรัฐสภาเป็นแบบนี้
.
นอกจากว่าให้ได้เสียงข้างมากแล้ว ทำไมเขาถึงกำหนดว่าในการลงมติให้เป็นการลงมติโดยเปิดเผย ก็เพราะว่าให้ประชาชนรับรู้ว่า ส.ส. คนไหนเลือกใครเป็นนายก พรรคไหนสนับสนุนใครเป็นนายก ตรงกับที่เคยไปประกาศไว้กับประชาชนหรือเปล่า
.
และที่สำคัญก็คือทั้ง ส.ส. และพรรคการเมืองที่สนับสนุนให้บุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อบุคคลนั้นได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ทั้ง ส.ส. และพรรคการเมือง จะต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองได้ทำไป ก็คือต้องรับผิดชอบว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไปกำหนดนโยบายอย่างไร ไปทำอะไร ไปทำดีทำเสีย มีผลกับประเทศอย่างไร
.
จากหลักการอย่างนี้มีปัญหาว่าพรรคประชาชนบอกว่าจะไม่มีคนอยู่ใน ครม. แม้แต่คนเดียว หมายความว่าท่านจะยกมือให้แล้วท่านก็จะไม่มีส่วนกำหนดนโยบายของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากว่าคุณอนุทินได้เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นอย่างนี้การตรวจสอบรัฐบาลจะเป็นอย่างไร ท่านไม่รับผิดชอบว่าเขาจะไปทำนโยบายอะไร ท่านก็บอกว่าท่านจะเป็นฝ่ายค้าน จะตรวจสอบโดยการเป็นฝ่ายค้าน พรรคประชาชนจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้จริงหรือ?
.
ท่านเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทน ท่านบอกว่าท่านเป็นฝ่ายค้าน แต่ท่านอยู่ใน 2 สถานะแบบนี้ ท่านจะเป็นฝ่ายค้านที่น่าเชื่อถือได้อย่างไร?
.
ท่านจะไม่รับรู้นโยบาย 4 เดือนนี้อาจจะเกิดอะไรก็ไม่รู้ แต่สภาพของพรรคประชาชนจะอยู่ในสภาพอีหลักอีเหลื่อมาก ตั้งแต่วันนี้ พอรู้ว่าคุณอนุทินจะได้เป็นนายก ท่านก็พูดเรียกร้องหัวหน้าพรรคผู้นำฝ่ายค้าน เรียกร้องให้สมาชิกในสภาอยู่ในที่ประชุมเพื่อพิจารณากฎหมาย เมื่อวานซืนนี้พรรคท่านเพิ่งพูดอยู่ว่า “องค์ประชุมเป็นเรื่องของรัฐบาล” ต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ถ้าอนุทินได้เป็นนายกรัฐมนตรี องค์ประชุมไม่ครบ สภาล่ม มีกฎหมายสำคัญเข้ามาสภาล่มทำยังไง พรรคประชาชนก็จะบอกว่า “จะเป็นองค์ประชุมให้” เพื่อให้สภาเดินหน้าต่อไปได้
.
นั่นก็คือการช่วยให้รัฐบาลอยู่ต่อไป และเป็นองค์ประชุมให้เพื่อให้กฎหมายสำคัญๆ ของรัฐบาลผ่าน พฤติกรรมนั้นคือพฤติกรรมของการเป็นฝ่ายรัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายค้าน ทีนี้การทำหน้าที่ฝ่ายค้านจะมีประสิทธิภาพได้อย่างไร ถ้าท่านอยู่ในสภาพที่ต้องประคับประคองรัฐบาลอย่างที่กล่าวไปนี้
.
มันจะเกิดขึ้นแน่นอน แล้วเราจะเชื่อได้อย่างไรว่าพรรคประชาชนจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านที่มีประสิทธิภาพ?
.
ผมยกตัวอย่าง ถ้าต่อไปมีอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะแบ่งเวลากันยังไงในฝ่ายค้าน และจะสรุปอย่างไร ใครจะสรุปเวลาสรุป? ถ้าพรรคประชาชนขอเป็นผู้อภิปรายสรุป สมมุติว่าพวกผมเป็นฝ่ายค้าน แล้วพรรคเพื่อไทยจะยอมให้หัวหน้าพรรคประชาชนเป็นผู้สรุปญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ยังไง ในเมื่อท่านเป็นผู้เลือกรัฐบาลนี้มา และเป็นผู้ที่คอยประคับประคองรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยอยู่ตลอดเวลา
.
พรรคประชาชนจึงไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ถ่วงดุลรัฐบาลได้ จะมีอะไรเกิดขึ้น พรรคประชาชนจะไม่อยู่ในสถานะที่จะทัดทานได้ รัฐบาลที่พรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำที่คุณอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีจะออกนโยบายอะไรมาพรรคประชาชนจะไม่สามารถคัดค้านทัดทานได้
.
ที่นี้จะมาเกี่ยวกับเรื่องสำคัญ ที่ว่าประชาชนสนใจ 2 เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคุณอนุทิน ซึ่งเกี่ยวกับข้อตกลงที่ว่ารัฐบาลที่พรรคประชาชนสนับสนุนนี้จะได้ทำอะไรตามที่พรรคประชาชนคาดหวังและไปบอกกับประชาชนทั่วประเทศได้จริงหรือไม่ คือจะทำประชามติไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมี ส.ส.ร. จะเป็นจริงหรือไม่
.
1. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถ้าพูดโดยสั้นๆ คุณอนุทินขัดคุณสมบัติเพราะว่าท่านมีบารมีมากไป น้องๆ คนรุ่นใหม่ก็จะบอกว่าเป็น influencer ที่มีอานุภาพมาก ขนาดที่ยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี คนคาดการณ์ว่าท่านอาจจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี การรถไฟแห่งประเทศไทยแจ้งไปที่ DSI ขอเลื่อนการร้องทุกข์คดีเขากระโดงออกไปไม่มีกำหนด ด้วยเหตุผลว่ารอรัฐมนตรีคนใหม่เสียก่อน ถ้าเป็นอย่างนี้ภาพพจน์พรรคการเมืองที่เสียหายอยู่แล้ว ตกต่ำอยู่แล้ว มันจะยิ่งตกต่ำต่อไป อันนี้เป็นปัญหาของประเทศ เป็นปัญหาของระบอบประชาธิปไตย
.
2. ท่านอนุทินไม่ได้มีบารมีด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ในฐานะรัฐบาลและรัฐมนตรี จะมีบารมีมากย้อนหลังไปด้วย เคยแต่งตั้งใครเป็นข้าราชการระดับ 10 ไว้ คนนั้นไปสมัครองค์กรอิสระหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สามารถเอาชนะนักกฎหมายชั้นนำของประเทศ ทั้งๆ ที่บางคนที่เข้าไปเป็นกรรมการองค์กรอิสระหรือตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีความเชี่ยวชาญในสายงานอื่น เช่น การก่อสร้าง บารมีแบบนี้น่าเป็นห่วง ถ้าใช้มากๆ ก็จะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่พักของท่าน ไปพัวพันกับกรณีที่เรียกว่า “ฮั้ว ส.ว.”
.
3. มี ส.ว. จำนวนมากที่กำลังถูกแจ้งความดำเนินคดี และทั้งในทาง กกต. เราจะรู้ได้อย่างไรว่าบารมีของท่านจะไม่มากไปถึงขนาดที่ทำให้คนผิดลอยนวล จากกรณีฮั้ว ส.ว. มันเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน คนในพรรคของท่านก็โดนด้วย ส.ว. ก็โดนด้วย ถ้าเชื่อมโยงกันอย่างดีแล้วมีบารมีจนกระทั่งใครๆ ก็ต้องการให้ ส.ว. ผลคดี เพื่อมาแต่งตั้งคนที่รัฐมนตรีของพรรคท่านต้องการให้เป็นข้าราชการระดับ 10 แล้วได้เป็น ส.ว. และ ส.ว. นี้ก็ทยอยตั้งคณะกรรมการองค์กรอิสระกัน
.
จากทั้ง 3 กรณีข้างต้น และอีก 1 ปี กรรมการองค์กรอิสระจะเป็นสายเดียวกันหมด หรือใช้ศัพท์ก็คือจะเป็นสีเดียวกันหมด ถ้าอนุทินเป็นนายก บ้านเมืองจะเสี่ยงอย่างมากที่จะเดินไปในทิศทางนี้
.
เมื่อมาเชื่อมกับเรื่องข้อตกลง 5 ข้อที่พรรคประชาชนยืนยันว่าจะยุบสภาทันที ปรากฏว่าต่อมาขอเวลา 4 เดือน เพื่อทำประชามติให้นำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย โดย ส.ส.ร. เป็นผู้ดำเนินการ
.
เราคงจำกันได้ว่ามีการพิจารณากฎหมายประชามติในสภานี้ พรรคการเมืองที่เห็นไม่ตรง ต้องการให้กฎหมายประชามติมีผลไปในทางขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งไปตรงกับ ส.ว. และพรรคของอนุทิน ชาญวีรกูล ถ้าได้อำนาจมาเต็มที่ ซึ่งอาจจะเกิดจากบารมีอะไรก็ตาม การแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อท่านแสดงมาตลอดว่าไม่ต้องการแก้รัฐธรรมนูญ
.
ประชามติที่ท่านจะลงกันก็ไม่แน่ว่าจะมีผลทางกฎหมายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร ต่อให้ลงมติผ่าน แต่ถ้าไม่โหวตให้ ส.ว. ก็ไม่เกิดผล การแก้รัฐธรรมนูญก็จะไม่เกิดขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือองค์กรอิสระและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะถูกครอบงำโดยอำนาจพิเศษของผู้มีบารมี ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่พรรคประชาชนเสนอต่อประชาชน
.
ตอนที่พรรคเพื่อไทยข้ามขั้ว ผมเคยวิจารณ์ไว้ว่าจะนำไปสู่ความอ่อนแอของประชาธิปไตย ก็เกิดขึ้นจริง แต่ตอนนี้พรรคเพื่อไทยอย่าว่าเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษ์เลย ไปขอพรรคฝ่ายอนุรักษ์ เขาก็ไม่รับแล้ว ตอนนี้เราก็ต้องปรับตัวกัน พรรคเพื่อไทยก็กลับมาบอกว่าจะเข้าสภา ถ้าเกิดเป็นฝ่ายค้านก็จะมาเจอกับพรรคประชาชน จะได้ร่วมมือกันในฐานะฝ่ายค้านด้วยกัน แต่มาพบว่าพรรคประชาชนกลับข้ามขั้วไปอีก
.
ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก พรรคประชาชนที่พูดมาตลอดว่า “ไม่มีลุง ต้องประชาธิปไตย” แต่เมื่อได้รัฐบาลมา เรื่องแก้เกณฑ์ทหารยังไม่รู้จะแก้จริงหรือไม่
.
เรื่องใหญ่ก็คือว่า 4 เดือนต่อไปนี้ การตรวจสอบรัฐบาลจะไม่เข้มแข็ง นโยบายจะออกมาผิดที่ผิดทางอย่างไรก็ไม่รู้ ต้องมาติดตามด้วยฝ่ายค้านที่มีพรรคประชาชนที่ครึ่งๆ กลางๆ ทำให้การค้านและการตรวจสอบรัฐบาลอ่อนแอ จะเกิดการไม่เป็นไปตามข้อตกลง ผลที่ตามมาอาจเกิดการแทรกแซงจนกระทั่งระบบนี้ถูกครอบงำ ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างมั่นคงต่อไป การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็จะไม่เกิดขึ้น
.
4 เดือนต่อไปนี้จึงเป็นระยะเวลาที่พรรคประชาชนจะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับฝ่ายอนุรักษ์ ให้ท่านทั้งหลายเปลี่ยนใจ ใครคิดยังไงก็คงคิดอย่างนั้น แต่พรรคประชาชน มวลชนของประชาชน จะรู้สึกอย่างไร ถ้าหากพรรคของท่านได้กลายเป็นพรรคที่ข้ามขั้วมาสนับสนุนพรรคที่เป็นแกนนำของฝ่ายอนุรักษ์นิยมอย่างเต็มตัว
.
ทำไมเลือกท่านชัยเกษมจึงดีกว่า? เพราะ 4 เดือนข้างหน้าจะไม่เกิดเรื่องทั้งหมดที่ผมพูดมา หากให้ท่านชัยเกษมเป็นนายก ปัญหาทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้น เพราะว่าถ้าเลือกท่านชัยเกษมไปเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านก็ต้องตั้ง ครม. ก่อนจะทำหน้าที่ได้ก็ต้องแถลงนโยบาย ซึ่งนโยบายที่จะแถลงก็จะคล้ายกับที่ท่านอานันท์ ปันยารชุน เคยทำเมื่อปี 2535
.
ตอนนั้นขึ้นต้นก็บอกว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ แถลงนโยบายเสร็จก็ยุบสภาเร็วที่สุด คือ 20 วันเพราะต้องตกลงกับฝ่ายที่จัดการเลือกตั้งก่อน แต่ท่านชัยเกษมสามารถยุบสภาได้เร็วกว่านั้น และความเสียหายที่จะเกิดกับระบอบประชาธิปไตยก็จะไม่เกิดขึ้นเหมือนหากให้อนุทิน ชาญวีรกุลเป็นนายกรัฐมนตรี
.
#พรรคเพื่อไทย #จาตุรนต์ #นายกรัฐมนตรี

บทความที่เกี่ยวข้อง
