เลิศศักดิ์ ชี้มท. ปรับวิธีจัดงบฯ ท้องถิ่น รวบอำนาจกลับส่วนกลาง ถอยหลังลงคลอง เปิดโอกาสทุจริต เอื้อพวกพ้อง เอื้อล็อกสเปก
3 พ.ย. 2568 สืบเนื่องจากกรณีที่ กรมการปกครองท้องถิ่นได้ออกหนังสือคำสั่งที่ มท.0810.8/ว 5044 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด โดยมีเนื้อหาสำคัญคือ การกำหนดให้เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดทำคำขอรับจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570 จากเดิมที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถจัดทำคำของบประมาณส่งไปยังสำนักงบประมาณฯ ได้โดยตรง ให้กลับมาใช้วิธีการส่งคำของบประมาณผ่านคณะกรรมการกลั่นกรองระดับจังหวัดก่อน โดยให้มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน
เลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สส.จังหวัดเลย พรรคเพื่อไทย ชี้ว่า เรื่องดังกล่าว ตามหลักของการกระจายอำนาจสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ผ่านมามีความพยายามทำให้การกำกับดูแลจากส่วนกลางน้อยที่สุด เพื่อทำให้ภาครัฐมีโอกาสเข้าไปแทรกแซงท้องถิ่นน้อยที่สุด
เลิศศักดิ์ ขยายความต่อ ในระบบการจัดทำคำของบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นงบอุดหนุนเฉพาะกิจ และงบประมาณของท้องถิ่นเอง ในอดีตการจัดทำงบประมาณองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะต้องทำผ่านอำเภอ และจังหวัด จากนั้นจึงส่งให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำงบประมาณส่งให้สำนักงบต่อไป
แต่ในช่วงหลังมีความต้องการที่จะทำให้ท้องถิ่นเป็นอิสระ จึงกำหนดให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาล สามารถจัดทำคำของบประมาณส่งไปที่สำนักงบฯ ได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านจังหวัด หรือผ่านกรมการส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นก่อน
ซึ่งในแผนเดิมของการจัดทำงบประมาณปี 2570 ทางองค์การบริการส่วนตำบล (อบต.) ก็จะสามารถจัดทำคำขอประมาณได้เช่นเดียวกับ อบจ. และเทศบาลได้ ส่วนในเรื่องการคัดกรองความคุ้มค่าต่างๆ สำนักงบประมาณจะพิจารณาในเบื้องต้น หลังจากนั้นเมื่อทำเป็น พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ส่งเข้ามาที่สภาผู้แทนราษฎร ก็จะพิจารณาตามกระบวนการขั้นตอน โดยในชั้นกรรมาธิการก็จะตรวจสอบ และปรับลดงบประมาณที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่จำเป็นลง
“แต่มาปีนี้ ทางกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นได้ออกหนังสือสั่งการไปที่ผู้ว่าราชการจังหวัดให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมากลั่นกรองก่อน ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการเข้าไปกำกับ หรือเข้าไปแทรกแซงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกินความจำเป็น” เลิศศักดิ์ กล่าว
เลิศศักดิ์ ย้ำว่า หนังสือสั่งการที่ออกมา มี 2 คำสั่งที่เป็นประเด็นคือ 1.การให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาคณะหนึ่งเพื่อกลั่นกรอง ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีการเรียงลำดับว่างบประมาณส่วนไหนสำคัญมากน้อยกว่ากัน เท่ากับเป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการใช้ดุลพินิจ ในการพิจารณาว่าใครควรจะได้รับงบประมาณหรือไม่ ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันตามมา
2.มีการกำหนดให้มีผู้ที่มีอำนาจในการตรวจสอบเรื่องเทคนิคการก่อสร้าง และ BOQ (เอกสารแสดงรายละเอียดงานก่อสร้างทั้งโครงการอย่างละเอียด) ซึ่งอาจจะเปิดโอกาสให้มีการกำหนด หรือล็อกสเปกเกิดขึ้นได้ และอาจเปิดช่องให้เกิดการทุจริตขึ้นได้ตั้งแต่ในชั้นจังหวัด จนไปถึงในส่วนของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
“สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการบิดเบือนเจตนารมย์ของการกระจายอำนาจ ผิดไปจากแนวทางที่ควรจะเป็น”
“เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คณะกรรมการการกระจายอำนาจได้กำหนดแนวทางเอาไว้ตั้งแต่แรก โดยเฉพาะในรูปแบบของการจัดทำงบประมาณ ซึ่งถือว่ากำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดีอยู่แล้ว ทางท้องถิ่นหลายแห่ง ก็ได้รับการจัดสรรงบประมาณอย่างเป็นธรรม
แต่เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลมาเป็นพรรคภูมิใจไทย และได้เข้าไปคุมกระทรวงมหาดไทยโดยตัวนายกรัฐมนตรีเอง และกำหนดให้เปลี่ยนแปลงวิธีการจัดทำงบประมาณ ในส่วนของคำขอเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โดยกลับไปใช้รูปแบบที่ให้คณะกรรมการระดับจังหวัดเป็นผู้พิจารณากลั่นกรอง สิ่งนี้นอกจากจะเป็นการแทรกแซง ยังเป็นการเปิดช่องให้เกิดการทุจริตได้ง่ายด้วย
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ก็จะไม่ต่างจากเดิมก่อนหน้าที่จะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดทำงบประมาณ ซึ่งอาจจะมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น บาง อบต. อาจจะได้เงินอุดหนุนเฉพาะกิจเยอะ หรือ บาง อบต. ที่อาจจะไม่ใช่ฝ่ายที่นักการเมืองส่วนกลางหรือรัฐบาลสนับสนุน ก็อาจจะได้งบน้อยลง หรืออาจจะไม่ได้งบเลยก็มี
สิ่งนี้จึงกลายเป็นข้อสงสัยว่าจะเป็นการส่งเสริมให้เกิดการกระจายอำนาจได้อย่างไร หรือเป็นการทำเพื่อสร้างเครือข่ายพวกพ้อง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคการเมืองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่ และร้ายแรงที่สุดถือว่าเป็นการขัดขวางกระบวนการกระจาย ที่เรายึดหลักว่าควรทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอิสระมากที่สุด” เลิศศักดิ์ กล่าว
#พรรคเพื่อไทย #กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น #เลิศศักดิ์พัฒนชัยกุล
บทความที่เกี่ยวข้อง
‘โฆษกเพื่อไทย’ โชว์ผลงานอดีตรัฐบาล ปราบสแกมเมอร์ลด 40% โต้ตรวจสอบไม่ละเว้นใคร
อ่านต่อ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, นางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย, กรรมการบริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ร่วมลงนามน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และถวายความอาลัยแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง วันที่ 31 ตุลาคม 2568
อ่านต่อ