‘จาตุรนต์ ฉายแสง’ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ชี้ภารกิจสำคัญคือสร้างให้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้แข่งขันสำคัญในสนามเลือกตั้ง สร้างนโยบายแก้ปัญหาประชาชนและเป็นหลักสร้างประชาธิปไตยให้ประเทศ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค และนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยคนใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวแต่งตั้งประธานและคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยโดยนายจาตุรนต์ ได้กล่าวถึงภาระสำคัญของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ว่าจะต้องขยับจุดยืนพรรคเพื่อให้เป็นผู้เข้าสู้สนามแข่งขันที่สำคัญ เพื่อเป็นกำลังในการสร้างนโยบายแก้ไขปัญหาให้ประเทศ และเป็นกำลังสำคัญในการสร้างประชาธิปไตยให้ประเทศด้วย
.
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ กล่าวเริ่มต้นว่าตนเองได้ลงนามตามข้อบังคับพรรคข้อ 63 แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย และเมื่อวานนี้ (17 พฤศจิกายน) คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ได้มีการประชุมกันครั้งแรก โดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเป็นส่วนผสมที่ลงตัว มีรุ่นที่สร้าง และสานต่อประกอบด้วยบุคคลรุ่นมีประสบการณ์ ผ่านการต่อสู้มาทุกยุคสมัยและยืนหยัดเวทีการเมืองไทยด้วยจุดยืนที่มั่นคง รวมถึงประกอบด้วยคนรุ่นใหม่ในพรรคเพื่อนำส่วนผสมผสานที่ลงตัวไปสู่กรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนพรรค ให้สามารถตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนได้ทุกกลุ่ม
.
“วันนี้เราตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการเมือง แนววทางการต่อสู้และการแข่งขันทางการเมืองของพรรค ที่จะส่งข้อมูลไปยังคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งตามระบอบรัฐสภา” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าว
.
ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวว่ามีความยินดีที่ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ในครั้งนี้ ความจริงตนเคยเป็นกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยไม่น้อยกว่า 15 ปี แต่ว่าไม่เคยมีครั้งไหนที่มีการตั้งโดยข้อบังคับอย่างเป็นทางการ เป็นกิจจะลักษณะ และผมก็คิดว่าไม่น่ามีครั้งไหนที่มีการรวมบุคลากรที่ครบทุกส่วนอย่างที่หัวหน้าพรรคได้ชี้แจงไป เพราะฉะนั้นจึงคิดว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์นี้จะมีบทบาททำงานตามที่คณะกรรมการบริหารได้มอบหมาย ด้วยความตั้งใจ
.
ปกติยุทธศาสตร์พรรคการเมืองต้องเป็นเรื่องระยะยาว แต่ว่าเราตั้งคณะนี้ขึ้นมาในช่วงเวลาที่รู้กันอยู่ว่าใกล้จะถึงวันเลือกตั้งในอีกไม่นานนัก เพราะฉะนั้นก็จะต้องทำงานผสมผสานระหว่างการวางยุทธศาสตร์ของพรรคที่เป็นระยะยาว และการวางยุทธศาสตร์เพื่อที่จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง
.
ข้อดีของการตั้งคณะกรรมการนี้คือกำหนดชัดเจนว่า จะเป็นการสื่อสารโดยตรงกับคณะกรรมการบริหาร ท่านเลขาพรรคก็มาเป็นเลขานุการคณะ หัวหน้าพรรคก็มาเป็นที่ปรึกษา เพราะฉะนั้นคณะนี้จะไม่ใช่กองบัญชาการใหม่ ไม่ใช่มีผู้บัญชาการใหม่แทนหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรค แต่เราจะช่วยกันสร้างและกำหนดยุทธศาสตร์ รวมทั้งเสนอแนะต่อคณะกรรมการบริหาร และเสนอแนวทางการเมืองต่อพรรคและต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต่อไปจะตอบสนองต่อศูนย์อำนวยการเลือกตั้งและผู้สมัครรับเลือกตั้ง
.
สิ่งที่เมื่อวานนี้คุยกันไปแล้วคือ เราต้องทำงานแข่งกับเวลา ต้องรีบมีการประเมินทิศทางแนวทางการทำงานของพรรคในด้านต่าง ๆ รวมทั้งเรื่องของนโยบาย ต่อไปต้องดูเรื่องการเตรียมการเลือกตั้ง แต่ว่าจุดสำคัญคือ เราจะนำข้อดีจุดแข็งของพรรคเพื่อไทยกลับมาให้มีความชัดเจนขึ้นได้อย่างไร ที่สำคัญคือการเป็นพรรคที่มีบทบาทในการสร้างประชาธิปไตย และเป็นพรรคที่มีบทบาทในการสร้างนโยบายและนำนโยบายมาสู่การปฏิบัติ
.
ซึ่งในครั้งนี้มีข้อดีคือ เรามีบุคลากรที่หลากหลายมากมาร่วม ไม่ใช่ผู้ที่เคยทำงานมานานเท่านั้น แต่ว่ายังมีนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการทำงานในสภา และมีบุคลากรทีมงานทางวิชาการอีกเป็นจำนวนมากที่จะร่วมกันทำงาน
.
เราจะเริ่มจากการประเมิน ซึ่งการประเมินบทบาทการทำงานในด้านต่าง ๆ นี้ จะใช้วิธีรวบรวมข้อมูล รับฟังความคิดเห็น แล้วก็ตัดสินใจโดยอาศัยพื้นฐานของข้อมูลข้อเท็จจริง นี่เป็นความเห็นร่วมกันที่หารือกันเมื่อวานในการประชุม เพราะฉะนั้นเมื่ออาศัยข้อมูลข้อเท็จจริง ซึ่งท่านเลขาและกองเลขาจะช่วยป้อนข้อมูลให้ เราก็จะรีบกำหนดแนวทางทางการเมืองของพรรค ว่าบทบาทของพรรคจะอยู่ตรงไหน
.
มีโพลบางแห่งออกมาว่าพรรคตามหลังพรรคอื่น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถ้าเป็นรุ่นผม รุ่นท่านประเสริฐ เราจะไม่คุ้นสภาพนี้ เพราะว่าเราอยู่กับการทำโพลของพรรคที่เดินเข้าสู่การเลือกตั้งด้วยโพลที่พรรคเพื่อไทยนำมาตลอด เพราะฉะนั้นต้องรีบค้นหาว่าปัญหาอยู่ตรงไหน และต้องปรับปรุงอย่างไร ซึ่งเราเชื่อว่าความสามารถ ความรู้ ประสบการณ์ และความตั้งใจ รวมทั้งการใช้ระบบที่เป็นวิทยาศาสตร์อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้พรรคเราขยับขึ้นมาสู่จุดที่เคยเป็น ก็คืออยู่ในจุดที่เป็นพรรคที่เป็นผู้เข้าแข่งขันที่สำคัญได้โดยเร็ว
.
“ตนมีความเชื่อว่าเมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคมีความตั้งใจ ผู้ที่อยู่กับพรรคมานานก็ดี นักการเมืองรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่ก็ดี มีความตั้งใจจริงจังที่จะช่วยกันให้พรรคประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง และประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาประเทศ เราก็เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะมาอยู่ในจุดที่เป็นกำลังสำคัญในการสร้างประชาธิปไตยของประเทศ และเป็นกำลังสำคัญในการคิดและสร้างนโยบาย เพื่อตอบรับสถานการณ์ที่มีความพิเศษ คือมีประเด็นปัญหา มีโจทย์ที่ยากกว่าหลาย ๆ การเลือกตั้งที่ผ่านมา ภาระที่ยากเหล่านั้นไม่เกินความสามารถของพรรคเพื่อไทย” ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค กล่าวในที่สุด
.
ทั้งนี้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยมีจำนวน 17 คน ประกอบด้วย
.
ที่ปรึกษาคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, นายภูมิธรรม เวชยชัย, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน
.
ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง
.
รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว, นายสุทิน คลังแสง, นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ
.
กรรมการคณะยุทธศาสตร์ นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช, นายเกรียง กัลป์ตินันท์, นายสรวงศ์ เทียนทอง, นางมนพร เจริญศรี, นางสาววจิราพร สินธุไพร
.
กรรมการและเลขานุการ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
.
กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ, นางสาาวลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์
.
#พรรคเพื่อไทย #คณะกรรมการยุทธศาสตร์
บทความที่เกี่ยวข้อง
“จุลพันธ์” เตือนอนุทิน ปมท่าทีการทูตคลาดเคลื่อน ทำไทยสูญเสียความได้เปรียบ–ถูกกดดันรอบด้าน
อ่านต่อ
บทความ “อนาคตของประเทศไทย: เปลี่ยนความเป็นกลางเป็นโอกาส” โดย ดร.นลินี ทวีสิน อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย ตีพิมพ์ใน บางกอกโพสต์ กล่าวถึงแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ที่ประเทศไทยควรใช้ในยุคโลกหลายขั้ว เพื่อเปลี่ยน “ความเป็นกลางทางการเมือง” ให้กลายเป็น “สินทรัพย์ทางเศรษฐกิจ” ที่สร้างความเชื่อมั่นและดึงดูดพันธมิตรทั่วโลก
อ่านต่อ