วันที่ 11 มิถุนายน 2568 แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้แก่กำลังพล กองกำลังสุรนารี ณ ฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารี รวมถึงพบปะพี่น้องประชาชน พูดคุยสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่ ณ บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม และเดินทางไปตรวจเยี่ยมบังเกอร์ หลุมหลบภัยที่ชาวบ้านทำขึ้น ณ บ้านสกล หมู่ 8 ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ 

.

โดยที่ฐานปฏิบัติการกองกำลังสุรนารี จุดที่ 1 นายกรัฐมนตรี มอบสิ่งของเป็นขวัญกำลังใจให้แก่กำลังพล ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับ รัฐมนตรี แม่ทัพภาคที่ 2 ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งภายหลังรับประทานอาหารกลางวัน ได้พูดคุยถามไถ่ ให้กำลังใจกำลังพลที่ปฎิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ และกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนต่างทำหน้าที่กันเต็มที่ ขอบคุณมาก ๆ นอกจากนี้ ได้พูดคุยกับพลเอกณัฐพล สอบถามถึงเรื่องเวลาการเปิด – ปิดด่าน ว่าขณะนี้ ช่วงเวลาเหมาะสมแล้วหรือไม่ หรือจะต้องมีการปรับเปลี่ยน 

.

ก่อนเดินทางต่อไปยังจุดด่านแดนถาวรช่องจอม เพื่อรับฟังบรรยายถึงสถานการณ์การค้าชายแดนไทย – กัมพูชา หลังมีมาตรการการจำกัดเวลาเปิด – ปิด ด่านพรมแดน ในพื้นที่จังหวัดชายแดน  ที่หน่วยประสานงานชายแดนประจำพื้นที่ 2 สำนักงานประสานงานชายแดนไทยกัมพูชาศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 

.

ระหว่างนั้น ได้มีคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้พิจารณาการสร้างด่านถาวรแห่งใหม่ที่จังหวัดสุรินทร์ เนื่องจากด่านเก่ามีขนาดเล็ก และต้องการทุกหน่วยงานรวมกันเพื่อเป็น One Stop Service 

.

พร้อมรับฟังรายงาน และสอบถามถึงสถานการณ์การข้ามแดน จากพ.ต.อ.ชัชชัย สำเนียง ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุรินทร์, นายชินวัฒน์ จันเกษม นายด่านศุลกากรช่องจอม และแม่ทัพภาค 2 และได้พบปะกับประชาชน ถ่ายภาพร่วมกันอย่างเป็นกันเอง นอกจากนี้ยังมีตัวแทนสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้มอบผ้าไหมสุรินทร์ให้กับนายกรัฐมนตรี 

.

จากนั้น ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมบังเกอร์ หลุมหลบภัย ที่ชาวบ้านทำขึ้นเอง โดยได้รับการสนับสนุนจากส่วนราชการ ทั้งจากกองทัพและกระทรวงมหาดไทย ทั้งทรายและอุปกรณ์ต่างๆ ณ บ้านสกล หมู่ 8 ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์  โดยนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และความปลอดภัยของบังเกอร์และสถานที่หลบภัยที่ชาวบ้านสร้างขึ้น พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแล สนับสนุนประชาชนอย่างเต็มที่ ทั้งด้านกำลังและวัสดุอุปกรณ์โดยขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก