“ศรัณย์วุฒิ” ชำแหละ “ประยุทธ์” ล้มเหลวทุกด้าน ทุจริตคอร์รัปชัน เอื้อประโยชน์เจ้าสัว ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ ปิดปากฝ่ายตรงข้าม
(19 กุมภาพันธ์ 2564) นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ประเด็นถึงความล้มเหลวของการบริหารประเทศตลอด 6 ปี ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการทุจริตในภาครัฐ การเอื้อประโยชน์ให้กับเจ้าสัวเอกชน ตลอดจนการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการคุกคามนักการเมืองและนักกิจกรรมฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล โดยนายศรัณย์วุฒิ เริ่มอภิปรายถึงประเด็นการทุจริตในภาครัฐ กรณีการจัดซื้อรถบัสจำนวน 512 คัน ในหน่วยงานรัฐ และมีผู้ชนะการประมูลจัดซื้อรถมูลค่าหลายพันล้านบาทแค่บริษัทเดียวตลอด เพราะคู่เทียบประมูลแค่บริษัทเดียว ซึ่งบริษัทผู้ชนะเป็นบริษัทสามี บริษัทคู่เทียบเป็นบริษัทภรรยา มีการล็อคสเป็กรถบัส เป็นรถแหนบ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ผลิตรถนี้แค่รายเดียวในไทย สเปกรถดังกล่าวก็มีปัญหา เพราะรถแหนบเป็นรถที่ไม่ยึดเกาะถนน จำกัดแรงม้าอยู่ที่ 251แรงม้า ซึ่งเป็นแรงม้าต่ำ เครื่องยนต์กินน้ำมัน มีการเล่นกลในการจัดซื้อด้วยทำสัญญาซอยย่อย สั่งประมูลทีละน้อยๆ ล็อกสเปก จึงหลีกเลี่ยงการตรวจสอบได้ ซึ่งรถแหนบบัสนี้ ราคาตลาดอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่รถบัสประมูลคันละ 4.5 ล้าน เมื่อประมูลเสร็จสิ้นก็มีพิธีกรรมเจรจาลดราคาเหมือนดูดี แต่ลดราคาได้แค่คันละ 10,500 บาท รวมยอดจัดซื้อ 2,300 ล้านบาท แต่ได้ลดราคาแค่ 5 ล้านบาท มากกว่านั้น เมื่อไปดูบริษัทคู่เทียบ พบว่า บริษัทที่รับงานประมูลรถบัสสองพันล้าน อยู่บ้านตึกแถวสองชั้น มีงบการเงินประจำปีล่าสุดแค่ 1,000 บาทต่อปี ดังนั้น จึงเป็นตัวอย่างการทุจริตภาครัฐ ที่ล็อกสเปก ฮั้วประมูล คู่เทียบราคากำมะลอ กินส่วนต่าง 30 เปอร์เซ็นต์ คันละ 1.35 ล้านบาท มีเงินส่วนต่าง 600 ล้าน
นายศรัณย์วุฒิ กล่าวต่อถึงการประเด็นการเอื้อผลประโยชน์ให้แก่เจ้าสัวในภาคเอกชน กรณีการจัดสร้างโครงการใหญ่ๆ ของภาคเอกชนที่มีภาครัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง พบว่าเมื่อรัฐวางแผนสร้างโครงการใด จะต้องใช้การจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อทำการศึกษาวิจัยโครงการ ซึ่งเจ้าสัวทั้งหลายที่ต้องการได้งาน ก็ใช้วิธี “เลี้ยง” บริษัทที่ปรึกษาไว้เป็นของตัวเอง และใช้วิธีจ้างบริษัทที่ปรึกษาเหล่านี้ให้เขียนงานโครงการขึ้นมาตามความต้องการทุกอย่างของเจ้าสัว ก่อนส่งให้ภาครัฐนำไปใช้อ้างอิง โดยใช้คำว่า “โครงการนี้ได้ผ่านงานศึกษามาแล้ว” และผู้บริหารบริษัทที่ปรึกษาทั้งหลาย คือเจ้าหน้าที่ราชการระดับสูงของหน่วยงานรัฐที่เกษียณราชการแล้ว ก่อนเกษียณราชการ ก็ไปก็แก้ไขกฎระเบียบราชการเปิดช่องรอเอาไว้ เมื่อเกษียณราชการไปนั่งบริษัทที่ปรึกษาวิจัย ก็ทำโครงการให้เข้าเงื่อนไขราชการที่แก้ไขรอไว้ล่วงหน้า ดังนั้น เมื่อรัฐจะทำโครงการใดๆ ไม่ใช่ทำเลย แต่วางแผนกับเจ้าสัว เขียนโครงงาน แก้เงื่อนไขกฎหมายเปิดช่องรอไว้ และพอถึงเวลาก็ใช้อำนาจรัฐเคาะอนุมัติโครงการออกมาตามที่บริษัทที่ปรึกษากับเจ้าสัวกำหนดไว้ล่วงหน้าได้ นี่จึงเป็นวิธีการฉ้อฉล ตะแบง เอื้อเจ้าสัว ของรัฐบาลชุดนี้
นายศรัณย์วุฒิ อภิปรายต่อถึงประเด็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือคุกคามนักการเมืองและนักกิจกรรมฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งมีผู้ที่เดือดร้อนจากการใช้กฎหมายนี้หลายฝ่าย ตนจึงอยากเตือนนายกฯอย่างจริงใจว่า ให้อยากนายกฯได้โปรดคิดให้หนัก เพราะการใช้กฎหมายข้อนี้มากเท่าใด แทนที่จะช่วยกันคลี่คลายปัญหาแต่กลับกลายเป็นสร้างวิกฤติให้หนักขึ้น เรื่องใดควรคุย ควรเจรจาเพื่อให้เรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็ก เพื่อให้เรื่องที่อาจลุกลามได้ยุติ แต่กลายเป็นว่านายกฯ นอกจากไม่นำพาแก้ไข แต่ยังใช้ลูกสมุนออกมาปกป้องทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย เรื่องที่ควรยุติกลับลุกลามบานปลาย
“ท่านต้องสำเหนียกไว้ว่า ทำอะไรลงไป เวลามีปัญหาสำคัญ ท่านส่งลูกสมุนออกมาเจรจา ทำเรื่องที่ควรยุติได้กลับลุกลามใหญ่โต ประยุทธ์อะไรดีก็รับไว้ อะไรไม่ดีก็โบ้ยใส่คนอื่น นี่คือพฤติกรรมคนชื่อประยุทธ์ หรือว่าจริงแล้ว ท่านต้องการให้บ้านเมืองนี้สุมเชื้อไฟปัญหาต่อไป เพื่อเป็นเหตุผลให้ท่านได้อยู่นานๆ ถ้าท่านทำอย่างนั้นจริง ท่านเลือดเย็น เห็นแก่ตัวที่สุด เลือดเย็นที่สุดจริง” นายศรัณย์วุฒิ กล่าวสรุป
บทความที่เกี่ยวข้อง
พรรคเพื่อไทย นครราชสีมา จัดไพรมารีโหวต เคาะชื่อ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ครบ 16 เขตแล้ว
อ่านต่อ
ดล เหตระกูล เข้าสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย ผู้บริหารต้อนรับอบอุ่น
อ่านต่อ